09:05:11 AM
  หัวข้อข่าว : MINOR :คำอธิบาย,วิเคราะห์ฐานะการเงินและผลการดำเนินงานไตรมาส 1ปี2548

  บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)

คำอธิบายและการวิเคราะห์ของฝ่ายจัดการ
การดำเนินงานและฐานะการเงินที่ผ่านมา

ภาพรวมบริษัท

รายได้รวม และกำไรบริษัท โดยรวมเพิ่มขึ้นเป็นอย่างมาก ซึ่งส่วนหนึ่งได้รับผลประโยชน์
จากการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ  ความเชื่อมั่นของผู้บริโภค จากการเพิ่มจำนวนตรา
สินค้าชั้นนำใหม่ ๆ   และจากการรับจ้างผลิตสินค้า  โดยในไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทได้เริ่ม
จัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำที่ทันสมัยภายใต้เครื่องหมายการค้าพาโนสเอ็มโพริโอ  ซึ่งเป็นชุดว่ายน้ำ
ที่มีคุณภาพสูงและรูปลักษณ์ที่ทันสมัยจากประเทศสวีเดน นอกจากนี้กลุ่มบริษัทยังมีเป้าหมาย
ที่จะนำสินค้าแฟชั่นนำเสนอแก่ตลาดในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง

1.  ผลการดำเนินงานของบริษัทและบริษัทย่อย สำหรับงวดไตรมาสแรกปี 2548 

บริษัทมีกำไรสุทธิ 43 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปี 2547 จำนวน 9 ล้านบาท หรือ ร้อย
ละ 27.41 จากผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2548 ดังนี้
1.1) รายได้
ไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทมีรายได้รวมจำนวน 631 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาสแรกปี 
2547 จำนวน 42  ล้านบาท เป็นอัตราเพิ่มขึ้นร้อยละ 7.12 มีรายละเอียดที่สำคัญดังนี้
-	บริษัท เอสมิโด แฟชั่นส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเสื้อผ้าเอสปรี มีรายได้รวมในไตรมาส
	แรกปี 2548 จำนวน 174 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 44 ล้านบาท หรือร้อยละ 34.11 จากไตร
	มาสแรกปี 2547 เนื่องจากการเพิ่มความหลากหลายของผลิตภัณฑ์ พัฒนาอย่าง
	ต่อเนื่องของการปรับปรุงตกแต่งร้านค้า รวมทั้งมีร้านค้าและจุดจำหน่ายที่เพิ่มขึ้น 
	25 แห่ง จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

-	บริษัท ไมเนอร์ คอนซัลแท็นส์ แอนด์ เซอร์วิส จำกัด ผู้จัดจำหน่ายเสื้อผ้ายี่ห้อ บอส
	สินี เครื่องสำอางยี่ห้อ บลูมและกระเป๋ายี่ห้อ ทูมี่ มีรายได้รวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 85 
	ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14 ล้านบาท หรือร้อยละ 19.15 จากไตรมาสแรกปี 2547 จากการเพิ่มความ
	หลากหลายของผลิตภัณฑ์เสื้อผ้าบอสสินี ปรับปรุงตกแต่งร้านค้า และการเพิ่ม
	จำนวนร้านค้าจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน

-	เสื้อผ้าบอสสินีมีจำนวนร้านค้าและเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้น 17 แห่ง

-	เครื่องสำอางบลูมมีจำนวนเคาน์เตอร์เพิ่มขึ้น 2 แห่ง

-	บริษัท เรด เอิร์ธ ไทย จำกัด ผู้จัดจำหน่าย เครื่องสำอาง เรด เอิร์ธ มีรายได้รวมไตร
	มาสแรกปี 2548 จำนวน 33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7 ล้านบาทจากไตรมาสแรกปี 2547 
	หรือร้อยละ 26.59 จากการส่งเสริมการขาย มีสินค้าใหม่เข้ามาขายอย่างต่อเนื่อง การ
	ปรับปรุงคุณภาพพนักงานขาย  การปรับปรุงตกแต่งร้านค้า และการขยายร้านค้าเพิ่ม
	จำนวน 8 แห่งทั้งในกรุงเทพและต่างจังหวัด 

-	บริษัท ไมเนอร์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์ ไทม์ไลฟ์ 
	และ เวิลด์บุ๊ค มีรายได้รวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 28 ล้านบาท เท่ากับไตรมาสแรกปี 2547 
	โดยเน้นการออกบู๊ทขายหนังสือ เช่น ที่ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาลต่าง ๆ และ
	ได้จัดสัมมนาผู้ปกครองและครูทั่วทุกภาคของประเทศ นอกจากนี้บริษัทยังมีรายได้
	เพิ่มขึ้นจำนวน 12 ล้านบาทจากธุรกิจจัดจำหน่ายสินค้าเสื้อผ้าสตรีภายใต้ยี่ห้อ
	ซีเนะควอนอน โดยมีการเปิดร้านค้า 4 ร้านค้า และเคาน์เตอร์ 9 เคาน์เตอร์ ตาม
	ศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า และเครื่องสำอางประทินผิวภายใต้ยี่ห้อ อิลิมีส ที่
	เน้นเจาะกลุ่มลูกค้าสปาตามโรงแรม

-	บริษัท อมอร์แปซิฟิค (ไทยแลนด์) จำกัด ได้จำหน่ายเครื่องสำอางภายใต้
	เครื่องหมายการค้าลาเนจ จากประเทศเกาหลี มีรายได้รวมในไตรมาสแรกปี 2548 
	จำนวน 4 ล้านบาท โดยมีการเปิดร้านค้า 2 ร้านค้า และ 4 เคาน์เตอร์ ตามศูนย์การค้า
	และห้างสรรพสินค้า

 -	บริษัท อาร์มิน ซิสเท็มส์ จำกัด ผู้จัดจำหน่ายอุปกรณ์กอล์ฟ เครื่องใช้ในบ้าน มีด 
	กรรไกร เครื่องครัว ในนามสินค้าเฮงเคล  มีรายได้รวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 
	25 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3 ล้านบาทหรือร้อยละ 12.86 จากไตรมาสแรกปี 2547 จากการ
	เปิดร้านค้าจัดจำหน่ายที่สามารถดึงดูดลูกค้าเพิ่มมากขึ้น นอกจากนี้บริษัทมีรายได้
	เพิ่มขึ้นจำนวน 8 ล้านบาท จากการจำหน่ายเสื้อผ้าผู้ชายยี่ห้อ โซลเอจ ผ่านการเปิด
	ร้านค้า 4 ร้านค้า และ 7 เคาน์เตอร์ ตามศูนย์การค้าและห้างสรรพสินค้า และใน
	เดือนมีนาคม 2548 บริษัทได้เริ่มจัดจำหน่ายชุดว่ายน้ำภายใต้เครื่องหมายการค้า
	พาโนสจากประเทศสวีเดน มีรายได้รวม 0.5 ล้านบาท จากการเปิด 3 เคาน์เตอร์ใน
	ห้างสรรพสินค้า

-	บริษัท นวศรี แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด ดำเนินธุรกิจรับจ้างผลิตสินค้าอุปโภคประเภท
	ต่าง ๆ เช่น น้ำยาปรับผ้านุ่ม ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาด น้ำหอมปรับอากาศเป็นต้น มี
	รายได้รวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 252 ล้านบาท ลดลง 50 ล้านบาท หรือร้อย
	ละ 16.62 จากไตรมาสแรกปี 2547 จากการลดปริมาณการขายน้ำหอมปรับอากาศ
	รถยนต์ของลูกค้าเพื่อส่งออกเนื่องจากตลาดเริ่มอิ่มตัว

1.2) ต้นทุนและค่าใช้จ่าย 
	บริษัทและบริษัทย่อยมีต้นทุนและค่าใช้จ่ายที่สำคัญ ในไตรสมาสแรกปี 2548 
ดังต่อไปนี้
*	ต้นทุนขายไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 377 ล้านบาท หรือร้อยละ 61.00 ของ
ยอดขาย ซึ่งลดลงร้อยละ 5.46 จากร้อยละ 66.46 ของยอดขายไตรมาสแรกปี 
2547
*	ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 187 ล้านบาท 
เพิ่มขึ้น 38  ล้านบาท หรือร้อยละ 25.19 จากไตรมาสแรกปี 2547 ซึ่งเป็นไป
ในทางเดียวกับการเพิ่มขึ้นของยอดขาย โดยมีค่าใช้จ่ายสำคัญที่เพิ่มขึ้นมาจาก
-	ค่าใช้จ่ายพนักงานจำนวน 18  ล้านบาท จากการขยายจำนวนร้านค้าของ
	เสื้อผ้าเอสปรี บอสสินี ซีเนะ ควอนอน โซเอจ เครื่องสำอางเรด เอิร์ธ  บลูม และอีลิมิส
-	ค่าใช้จ่ายทางการตลาดจำนวน 14 ล้านบาท ซึ่งเป็นไปในทิศทางเดียวกับ
	ยอดขายที่เพิ่มขึ้น
-	ค่าเสื่อมราคาจำนวน 3  ล้านบาท
*	ภาษีเงินได้นิติบุคคลไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 20 ล้านบาท ตามทิศทาง
เดียวกับการเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิ โดยบริษัทมีอัตราภาษีนิติบุคคลที่ร้อยละ 30 ของกำไรสุทธิ
*	ดอกเบี้ยจ่ายในไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 2.56 ล้านบาทเพิ่มขึ้นจาก 0.67 
ล้านบาทของไตรมาสแรกปี 2547 จากการเบิกใช้เงินกู้ระยะยาวเพื่อก่อสร้าง
โรงงานใหม่บริษัท นวศรี แมนูแฟคเจอริ่ง จำกัด จำนวน 87 ล้านบาท 

2) งบดุล
   ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 บริษัทและบริษัทย่อยมีฐานะทางการเงินโดยรวม
เปลี่ยนแปลงจากสิ้นปี 2547 ดังนี้
*	สินทรัพย์รวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 1,784  ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากสิ้นปี 2547 
จำนวน 82 ล้านบาท หรือร้อยละ  4.83 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
-	เงินสด และรายการเทียบเท่าเงินสดลดลง 25 ล้านบาท จากการจ่ายชำระหนี้ทรัสต์รี
	ซีทและค่าใช้จ่ายค้างจ่าย
-	ลูกหนี้การค้าสุทธิลดลง 52 ล้านบาท จากการบริหารลูกหนี้ที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น
-	สินค้าคงเหลือสุทธิเพิ่มขึ้น 13  ล้านบาท ส่วนใหญ่มาจากการสั่งซื้อสินค้าใหม่
	ของโซลเอจเพื่อรองรับการขาย
-	สินทรัพย์หมุนเวียนอื่นเพิ่มขึ้น 15 ล้านบาท จากภาษีขายสินค้าประจำเดือนและ
	ค่าใช้จ่ายจ่ายล่วงหน้าอื่น ๆ  ที่เพิ่มขึ้น
-	ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์เพิ่มขึ้น 10 ล้านบาท จากการขยายร้านค้าตามห้างสรรพสินค้า
-	เงินลงทุนระยะยาวเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 116 ล้านบาท เนื่องจากการ
	ปรับราคาเงินลงทุนตามราคาตลาดที่สูงขึ้น
-	สินทรัพย์ถาวรอื่นเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาท เกิดจากเงินมัดจำในการขยายร้านค้า
	เพิ่มขึ้นตามการขยายตัวของธุรกิจเสื้อผ้าเอสปรี บอสสินี ซีเนะควอนอน โซเอจ 
	และชุดว่ายน้ำพาโนส เอ็มโพริโอ
 
*	หนี้สินรวมไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 867 ล้านบาท ลดลงสุทธิจากสิ้นปี 2547 จำนวน 
80 ล้านบาท หรือร้อยละ 8.48 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
-	การลดลงสุทธิของทรัสต์รีซีท 13 ล้านบาท จากการชำระหนี้ก่อนกำหนด
-	เจ้าหนี้การค้าลดลง 41 ล้านบาท 
-	เจ้าหนี้อื่น ๆ เพิ่มขึ้นสุทธิ 9 ล้านบาท จากเจ้าหนี้จากการดำเนินงาน
-	ค่าใช้จ่ายค้างจ่ายลดลง 31  ล้านบาท จากการชำระค่าใช้จ่ายทางการตลาด และ
	ค่าใช้จ่ายพนักงาน
-	หนี้สินหมุนเวียนอื่นลดลง 7  ล้านบาท จากการรับเงินมัดจำล่วงหน้าจากการ
	ขายสินค้าและก่อสร้างโรงงาน
*	ส่วนของผู้ถือหุ้นไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน  918  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 163  ล้านบาท 
หรือร้อยละ 21.59 จากสิ้นปี 2547 โดยมีการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญดังนี้
-	กำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกปี 2548  จำนวน 43 ล้านบาท
-	การเพิ่มของทุนและส่วนเกินมูลค่าหุ้นจำนวน 1 ล้านบาท จากการใช้สิทธิใน
	ใบสำคัญแสดงสิทธิที่จะซื้อหุ้นสามัญ
-	 กำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของการตีราคาเงินลงทุนของหลักทรัพย์จำนวน 116 ล้านบาท

งบกระแสเงินสด
	
บริษัทและบริษัทย่อยมีเงินสดใช้ไปไตรมาสแรกปี 2548 ของกิจกรรมต่างๆ ดังนี้

*	มีกระแสเงินสดใช้ไปจากการดำเนินงานสุทธิจำนวน 12  ล้านบาท จากรายการสำคัญ ๆ ดังนี้
-	เพิ่มขึ้นจำนวน 43  ล้านบาทจากกำไรสุทธิของผลการดำเนินงานไตรมาสแรกปี 2548
-	เพิ่มขึ้นสุทธิจำนวน 10  ล้านบาท จากการปรับปรุงรายการที่มิใช่เงินสด เช่น 
	ค่าเสื่อมราคา 12 ล้านบาท   
-	ลดลงจำนวนสุทธิ 65 ล้านบาท จากการบริหารเงินทุนหมุนเวียนสุทธิ เช่น การ
	เพิ่มขึ้นของสินทรัพย์จากการดำเนินงานจำนวน 27  ล้านบาท และ การลดลง
	ของหนี้สินจากการดำเนินงานจำนวน 92  ล้านบาท

*	กระแสเงินสดใช้ไปจากกิจกรรมลงทุน จำนวน 5  ล้านบาท ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการจ่ายเพื่อ
ขยายร้านค้า 

*	กระแสเงินสดใช้ไปสำหรับกิจกรรมจัดหาเงินจำนวน 8  ล้านบาท มีรายการที่สำคัญๆ ดังนี้
-	เงินสดลดลงจากจ่ายคืนทรัสต์รีซีทป์จำนวน 13  ล้านบาท 
-	เงินสดเพิ่มขึ้นจากรับเงินค่าหุ้นสามัญจำนวน 1.5  ล้านบาท จากการใช้สิทธิ
	ของผู้ถือหุ้นเดิม และกรรมการและพนักงาน
-	เงินสดเพิ่มขึ้นจากเจ้าหนี้บริษัทที่เกี่ยวข้องกันเพิ่มขึ้นจำนวน 4  ล้านบาท

*	ไตรมาสแรกปี 2548 บริษัทมีกระแสเงินสดลดลงสุทธิ 24.6  ล้านบาท 

สรุปอัตราส่วนทางการเงิน
                                      	31 มี.ค. 2548    	 31 ธ.ค. 2547
นโยบายทางการเงิน				
อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น(เท่า)		      0.94         1.25
อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิ/ส่วนของผู้ถือหุ้น (เท่า)      0.40	   0.51
ความสามารถในการดำรงสภาพคล่อง                                
อัตราส่วนสภาพคล่อง (เท่า)    		              1.21         1.15
อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็ว (เท่า)                	      0.59         0.63
					
					31 มี.ค. 2548     31 มี.ค. 2547
ความสามารถในการทำกำไร 		  	
อัตรากำไรขั้นต้น (GP ) (%) 		              39.00%	    33.54% 
อัตรากำไรสุทธิ (NPAT) (%)  			      6.82% 	     5.73%   
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้น (ROE)(%) 		      5.14%	     4.57%
อัตราผลตอบแทนผู้ถือหุ้นหลังจากปรับปรุง
กำไร(ขาดทุน)ที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจาก
การเปลี่ยนแปลงมูลค่าของเงินลงทุน  (%)    		      6.52% 	     4.44% 
ความมีประสิทธิผลของการใช้สินทรัพย์                                         
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ (ROA)(%)	    	      2.47%           2.42% 
นโยบายทางการเงิน 
อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ย (เท่า)    	       4.05	       89.30

ความสามารถในการดำรงสภาพคล่อง              			
ระยะเวลาเก็บหนี้เฉลี่ย (วัน) 		              56               59 

การวิเคราะห์อัตราส่วนทางการเงิน 
        
ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 บริษัทมีอัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้น
อยู่ที่ 0.40 เท่า

อัตรากำไรขั้นต้นไตรมาสแรกปี 2548 เท่ากับร้อยละ 39.00 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 33.54  ของ
ไตรมาสแรกปี 2547 เนื่องจากในปีนี้บริษัทได้มุ่งเน้นเพิ่มผลกำไรรวมในรูปอัตรากำไรขั้นต้น 
โดยเน้นการขายสินค้าในราคาปกติและพยายามลดการให้ส่วนลดต่าง ๆ ลง 

อัตรากำไรสุทธิๆไตรมาสแรกปี 2548 เท่ากับร้อยละ 6.82 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 5.73 ของไตร
มาสแรกปี 2547 เนื่องมาจากบริษัทมียอดขายที่สูงขึ้นและสามารถบริหารต้นทุนสินค้าและ
ค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารได้ดี กอปรกับบริษัทมีการบริหารและการจัดการทางด้าน
การเงินอย่างมีประสิทธิภาพ

อัตราผลตอบแทนต่อผู้ถือหุ้นหลังจากปรับปรุงกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงจากการเปลี่ยนแปลง
มูลค่าของเงินลงทุนไตรมาสแรกปี 2548 เท่ากับร้อยละ 6.52 เพิ่มขึ้นจากร้อยละ 4.44 ของไตร
มาสแรกปี 2547 เนื่องจากบริษัทมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 9 ล้านบาท จากไตรมาสแรกปี 2547 
 
อัตราผลตอบแทนจากสินทรัพย์ไตรมาสแรกปี 2548 เท่ากับร้อยละ 2.47 ลดลงจากร้อยละ 
2.42 จากไตรมาสแรกปี 2547 เนื่องจากบริษัทมีการขยายตัวของกิจการ และธุรกิจรับจ้างผลิด
สินค้ามียอดขายลดลง ทำให้กำไรสุทธิเพิ่มขึ้นไม่มากนัก 

อัตราส่วนความสามารถในการชำระดอกเบี้ยไตรมาสแรกปี 2548 เท่ากับ 4.05 เท่า ลดลงอย่าง
มากจาก 89.30 เท่าของไตรมาสแรกปี 2547 เนื่องจากบริษัทมีการขยายกิจการมากจึงทำให้
กระแสเงินสดใช้ไปจากการดำเนินงานจำนวนมาก อีกทั้งภาระหนี้สินและดอกเบี้ยของบริษัท
ได้เพิ่มขึ้นจากการกู้ยืมเพื่อขยายโรงงาน
  

ความเหมาะสมของโครงสร้างเงินทุน

     ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 อัตราส่วนหนี้สินต่อส่วนของผู้ถือหุ้น สำหรับงบการเงิน
รวมเท่ากับ 0.94 เท่า จากสิ้นปี 2547 ซึ่งอยู่ที่ระดับ 1.25 เท่า ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นผลมาจาก
-	หนี้สินรวมลดลงจำนวน 80  ล้านบาท 
-	กำไรสุทธิจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาสแรกปี 2548 จำนวน 43 ล้านบาท 
-	การเพิ่มขึ้นของกำไรที่ยังไม่เกิดขึ้นจริงของการตีราคาเงินลงทุนของ
	หลักทรัพย์จำนวน 116  ล้านบาท

ความเพียงพอของสภาพคล่อง

     ณ วันที่ 31 มีนาคม 2548 บริษัทพยายามที่จะรักษาระดับสภาพคล่องให้เพียงพอ จะ
เห็นได้จากอัตราส่วนสภาพคล่องของบริษัทเท่ากับ 1.21 เท่า เพิ่มขึ้นจาก ณ สิ้นปี 2547 ซึ่ง
เท่ากับ 1.15 เท่า ซึ่งถือว่าเป็นอัตราที่ดีขึ้นจากการบริหารสินค้าคงคลังและการบริหารจัดการ
เงินทุนหมุนเวียนอย่างมีประสิทธิภาพ  ในขณะที่อัตราส่วนสภาพคล่องหมุนเร็วเท่ากับ 0.59 
เท่า  ลดลงจากสิ้นปี 2547 ซึ่งเท่ากับ 0.63 เท่า เนื่องจากบริษัทมีลูกหนี้การค้าคงเหลือและเงิน
สดหรือรายการเทียบเท่าเงินสดก็ลดลงด้วย
     อย่างไรก็ตาม บริษัท มีระยะเวลาในการขายสินค้าโดยเฉลี่ย 79  วัน ระยะเวลาใน
การเก็บหนี้โดยเฉลี่ย  56  วัน และระยะเวลาในการชำระหนี้โดยเฉลี่ย  65 วัน ส่งผลให้วงจร
เงินสด (Cash Cycle) ปรับตัวเพิ่มขึ้นจาก 46 วัน เป็น 70 วัน จากการที่บริษัทมีระยะเวลาการ
ขายเฉลี่ยที่เพิ่มขึ้น 27 วัน

                                    

ลงชื่อ …………………………………………….
  (นายวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค)
                     ประธานกรรมการ