ปัจจัย 5 ประการที่คุณควรรู้ก่อนลงทุนในต่างประเทศ
ถ้าคุณลงทุนอยู่แล้วในตลาดไทย แต่อยากหาโอกาสไปลงทุนในตลาดอื่นที่ใหญ่กว่าเช่นฮ่องกงหรือสหรัฐ คุณควรจะพิจารณาปัจจัยต่างๆเหล่านี้ก่อนเริ่มต้นลงทุน
1. ขนาดของตลาด
ตลาดสหรัฐมีขนาดที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีบริษัทจดทะเบียนซื้อขายถึงประมาณ 4,400 บริษัท และมีบริษัทใหญ่ระดับต้นๆของโลกจดทะเบียนซื้อขายอยู่เช่น Apple, Amazon, Microsoft เป็นต้น ตลาดที่มีขนาดเป็นอันดับรองลงมาคือจีน และญี่ปุ่น ส่วนตลาดฮ่องกงซึ่งมีขนาดเป็นอันดับ 4 ของโลกก็มีบริษัทจดทะเบียนถึงประมาณ 2,300 บริษัท
การมีโอกาสลงทุนในตลาดที่ใหญ่ เป็นการเพิ่มทางเลือกในการลงทุนเป็นอย่างมากถ้าเทียบกับตลาดหุ้นไทย ที่มีขนาดเป็นอันดับประมาณ 20 ของโลกและมีจำนวนบริษัทจดทะเบียนประมาณ 550 บริษัท
2. เวลาการซื้อขาย
ช่วงเวลาการซื้อขายของตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่งมีความแตกต่างกัน และเวลาของแต่ละประเทศก็แตกต่างกันกับของไทย ดังนั้นเราจึงควรทราบในประเด็นเหล่านี้
3. ล๊อตหุ้น (Lot size)
ตลาดหลักทรัพย์แต่ละแห่งมีกฎเกณฑ์ที่แตกต่างกันในล๊อตหรือจำนวนหุ้นที่ทำการซื้อขายเป็นมาตรฐานในแต่ละคำสั่งซื้อขาย ในฮ่องกง ล๊อตการซื้อขายอาจอยู่ที่ 100 หรือ 1,000 หุ้น แต่ตลาดสหรัฐไม่มีข้อกำหนดเรื่องล๊อตการซื้อขาย ดังนั้นคุณก็สามารถซื้อหุ้นเพียง 1 หุ้นก็ได้ ส่วนตลาดไทยก็จะมีล๊อตการซื้อขายที่ 100 หุ้นเป็นต้น
4. Order type (รูปแบบของคำสั่งซื้อขาย)
การรู้จังหวะการซื้อขายมีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าความเข้าใจว่าควรจะซื้อขายเมื่อใด รูปแบบคำสั่งซื้อขายเป็นคำสั่งให้กับโบรกเกอร์เพื่อให้ทำการซื้อขายหุ้นให้เราตามเงื่อนเวลาหรือตามราคาที่เรากำหนดหรือใช้ประกอบกันทั้งเวลาและราคา การรู้เกี่ยวกับรูปแบบคำสั่งซื้อขายจะช่วยให้คุณเข้าใจในมูลค่าการลงทุนที่คุณจะได้รับเมื่อรายการซื้อขายสำเร็จ คำสั่งการซื้อขายโดยทั่วไปจะมีดังนี้ Market Order (ซื้อขายที่ ราคาตลาดในขณะนั้น), Limit Order (ซื้อขาย ณ. ราคาที่เรากำหนดไว้) และ Auction Order (ซื้อขายในช่วงเปิดตลาดหรือปิดตลาด โดยไม่ได้กำหนดราคา แต่ได้ราคาตามการจับคู่ซื้อ-ขายในช่วงเวลานั้น)
Market Order
ถ้าคุณต้องการซื้อหรือขายหุ้นในทันที คุณสามารถส่งคำสั่งซื้อขายแบบ “market order” ซึ่งจะได้ราคาที่ดีที่สุดในขณะนั้นแต่ไม่ได้เป็นการรับประกันราคา อย่างไรก็ดี ราคาที่คุณได้อาจแตกต่างจากราคาซื้อขายที่เกิดขึ้นล่าสุดในตลาดได้ไปบ้าง เพราะภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงไป
ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกง ไม่สามารถส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Market order ได้ แต่ตลาดไทย สิงคโปร์ และสหรัฐ สามารถทำได้
Limit Order
การส่งคำสั่งซื้อขายแบบ Limit order ทำให้คุณสามารถกำหนดราคาที่คุณต้องการซื้อหรือขายได้ แต่ถ้าราคาหุ้นในตลาดไปไม่ถึงราคาที่คุณกำหนด คุณก็จะไม่ได้ซื้อหรือขายหุ้นนั้นๆ
Enhanced Limit Order (ELO)
เป็นคำสั่งที่คล้ายกับ Limit order แต่ ELO ทำให้คำสั่งนั้นสามารถจับคู่ได้ถึง 10 ราคาในแต่ละครั้ง คำสั่งใดที่จับคู่ไม่ได้ก็จะถูกแปลงเป็น Limit order และตั้งรอการซื้อขายในลำดับถัดไป
5. ค่าใช้จ่ายในการซื้อขาย (Investment fees)
โบรกเกอร์ส่วนใหญ่คิดค่าธรรมเนียมการซื้อขายคล้ายๆกัน และบางแห่งก็มีระบบการซื้อขายหลักทรัพย์ในต่างประเทศแต่การคิดค่าธรรมเนียมก็จะมีความแตกต่างกัน “DBS Online Equity Trading” เป็นระบบที่ทำให้คุณสามารถซื้อขายได้ในตลาดหลักหลายแห่งในต่างประเทศ เช่นสิงคโปร์ ฮ่องกง สหรัฐ แคนาดา อังกฤษ ญี่ปุ่น และออสเตรเลีย
เลือกระบบที่ดีสำหรับตัวคุณเอง
การเริ่มลงทุนในตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ คุณสามารถเปิดบัญชีซื้อขายออนไลน์ได้ ซึ่ง “DBS Wealth Management Account” มีบัญชี “Multi-Currency Settlement Account” ซึ่งทำให้คุณสามารถบริหารจัดการอัตราแลกเปลี่ยนอย่างมีประสิทธิภาพเพื่ออำนวยให้คุณซื้อขายหลักทรัพย์ต่างประเทศออนไลน์ได้อย่างสะดวกราบรื่น
ด้วยระบบที่พร้อมในทุกด้านนี้ คุณจะสามารถกระจายการลงทุนของคุณไปยังประเทศต่างๆหรือเสาะหาโอกาสลงทุนในตลาดใหม่ๆเพื่อสร้างการเติบโตให้กับพอร์ตลงทุน
How to Apply