13:15:40 PM
  หัวข้อข่าว : TMM :สรุปข้อสนเทศ : TMM083A

                                                             สรุปข้อสนเทศ                                           

ชื่อตราสารหนี้        :   หุ้นกู้มีประกันชนิดทยอยชำระคืนเงินต้น ของบริษัททรู มัลติมีเดีย จำกัด
                                   ครั้งที่ 1/2548 ชุดที่ 1  ครบกำหนดไถ่ถอนปีพ.ศ. 2551  
                        
ชื่อย่อตราสารหนี้   :  TMM083A

วิธีการซื้อขาย        :  Put through บนกระดานรายใหญ่เท่านั้น

ประเภทตราสารหนี้  : - ทยอยคืนเงินต้น  (Amortizing Bond)
                                   - ไม่ด้อยสิทธิ   (Senior Bond)
                                  - มีหลักประกัน (Secured Bond)
                                  - ระบุชื่อผู้ถือและมีข้อจำกัดการโอนเฉพาะผู้ลงทุนสถาบัน

จำนวนหน่วย      :   จำนวน 1,100,000 หน่วย 
         
มูลค่าที่ตราไว้ต่อหน่วย  :   1,000 บาทต่อหน่วย  

มูลค่าที่ตราไว้รวม     :   1,100,000,000 บาท  
        
มูลค่าคงค้าง ณ วันที่จดทะเบียน :  916.67 บาทต่อหน่วย
        
ราคาเสนอขายต่อหน่วย       :  1,000  บาท 

ราคาไถ่ถอนต่อหน่วย         :   83.37 บาทต่อหน่วย 

วันออกตราสารหนี้           :   30 มีนาคม 2548

วันครบกำหนดไถ่ถอน         :   30 มีนาคม 2551 
                        
อายุของตราสารหนี้          :    3 ปี 
        
ประเภทอัตราดอกเบี้ย        :    คงที่   

อัตราดอกเบี้ย              :     คงที่ร้อยละ 5.00 ต่อปี   
 
วันชำระดอกเบี้ย    
    ทุก ๆ 3 เดือน นับแต่วันออกหุ้นกู้ โดยผู้ออกหุ้นกู้จะชำระดอกเบี้ยทุกๆ วันที่ 30 มีนาคม, 30 มิถุนายน, 
30 กันยายน และ 30 ธันวาคม ของทุกปีตลอดอายุของหุ้นกู้แต่ละชุด (หากวันชำระดอกเบี้ยไม่ตรงกับวันทำการ
จะเลื่อนวันชำระดอกเบี้ยเป็นวันทำการถัดไป) 
                                                
วันชำระดอกเบี้ยงวดแรก      :       30 มิ.ย. 2548
                                                
วิธีการคำนวณดอกเบี้ยจ่าย     
    จำนวนดอกเบี้ยที่จะต้องชำระตามหุ้นกู้สำหรับงวดดอกเบี้ยใดๆ จะคำนวณ โดยนำ (ก) ผลคูณของจำนวนเงินต้นคงค้าง
ของหุ้นกู้ในแต่ละหน่วยณ วันแรกของงวดดอกเบี้ยนั้น (ภายหลังจากที่ได้หักจำนวนเงินต้นของหุ้นกู้ที่ชำระคืนแล้วในวันนั้นๆ)
กับอัตราดอกเบี้ย ไปคูณกับ (ข) จำนวนวันสำหรับงวดดอกเบี้ยนั้น หารด้วย 365 โดยจำนวนดอกเบี้ยจะกำหนดทศนิยมไม่เกินหก
ตำแหน่ง (ถ้าตำแหน่งที่เจ็ดมีค่ามากกว่าหรือเท่ากับห้า ให้ทำการปัดทศนิยมตำแหน่งที่หกขึ้นหนึ่งตำแหน่ง)


ตารางชำระคืนเงินต้น    : ผู้ออกหุ้นกู้ต้องทยอยชำระเงินต้นให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ตามวันและจำนวนดังต่อไปนี้ 

งวดที่ 1    ชำระคืนวันที่ 30 มิ.ย. 2548  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 2    ชำระคืนวันที่ 30 ก.ย. 2548  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 3    ชำระคืนวันที่ 30 ธ.ค. 2548  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 4    ชำระคืนวันที่ 30 มี.ค. 2549  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 5    ชำระคืนวันที่ 30 มิ.ย. 2549  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 6    ชำระคืนวันที่ 30 ก.ย. 2549  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 7    ชำระคืนวันที่ 30 ธ.ค. 2549  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 8    ชำระคืนวันที่ 30 มี.ค. 2550  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 9    ชำระคืนวันที่ 30 มิ.ย. 2550  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 10  ชำระคืนวันที่ 30 ก.ย. 2550  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 11  ชำระคืนวันที่ 30 ธ.ค. 2550  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.33 บาท
งวดที่ 12  ชำระคืนวันที่ 30 มี.ค. 2551  จำนวนเงินที่ต้องชำระคืนสำหรับหุ้นกู้ 1 หน่วย  เท่ากับ 83.37 บาท (วันครบกำหนดไถ่ถอน)

ผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือ  :  BBB จัดอันดับโดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 25 มีนาคม 2548

หลักประกัน 
1.  การจำนำหุ้นบริษัท ยูไนเต็ด บรอดคาสติ้ง คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) โดยหุ้นยูบีซีที่จำนำจะต้องมีมูลค่าไม่ต่ำกว่าร้อยละ 150 ของมูล
ค่าหุ้นกู้
ที่ยังไม่มีการไถ่ถอน
2.   การโอนสิทธิเรียกร้องอย่างมีเงื่อนไขเกี่ยวกับค่าใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดีย
3.  การจำนำและการโอนสิทธิเรียกร้องอย่างมีเงื่อนไขในบัญชีรับเงิน (Escrow  Account) บัญชีสำรองเพื่อการชำระหนี้ (Debt Service
Reserve Account) บัญชีสะสมเพื่อการชำระหนี้ (Debt Payment Account) และบัญชีหลักประกัน (Security Account)

วิธีการจ่ายกระแสเงินสด      
1.  การชำระเงินต้น  ในวันทยอยชำระคืนเงินต้นใดๆ ผู้ออกหุ้นกู้จะชำระคืน เงินต้นของหุ้นกู้ตามวัน และในจำนวนที่ระบุในตารางชำระคืนเงินต้
น
2.  การชำระดอกเบี้ย ดอกเบี้ยของหุ้นกู้จะทำการจ่ายให้กับผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายทุกๆ 3 เดือนในวันกำหนดชำระดอกเบี้ย ทั้งนี้วันกำหนดชำระด
อกเบี้ยงวดแรก
คือ วัน ที่ 30 มิถุนายน พ.ศ. 2548 และวันกำหนดชำระดอกเบี้ยงวดสุดท้ายคือวันครบกำหนดไถ่ถอนหุ้นกู้

นายทะเบียน      : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือผู้ที่ได้รับแต่งตั้งโดยชอบธรรมให้เป็นนายทะเบียนหุ้นกู้แทน
                             ชื่อผู้ติดต่อ  คุณมานพ ผากา
                            โทรศัพท์   (02)296-4769

ผู้แทนผู้ถือตราสารหนี้  : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) หรือผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งโดยชอบธรรมให้ทำหน้าที่เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู
้
                                       ชื่อผู้ติดต่อ  คุณมานพ ผากา
                                      โทรศัพท์    (02)296-4769

ผู้จัดการการจำหน่าย  : ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน)
                                    ชื่อผู้ติดต่อ  นายบุญชิด จิระพงษา    
                                   โทรศัพท์    (02)296-4766 

เหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ     : ถ้าเกิดเหตุการณ์ใดๆ ดังต่อไปนี้ ให้ถือเป็นเหตุผิดนัด ("เหตุผิดนัด") ภายใต้หุ้นกู้
1)  ผู้ออกหุ้นกู้ ผิดนัดไม่ชำระเงินใดๆ ที่ถึงกำหนดชำระตามเงื่อนไขในข้อกำหนดสิทธิ อย่างไรก็ดี  กรณีนี้ย่อมไม่ถือว่าได้มีเหตุผิดนัดเก
ิดขึ้น
หาก (ก) การไม่ชำระเงินดังกล่าวมีสาเหตุจากความล่าช้าในระบบการโอนเงิน หรือเนื่องมาจากการหักบัญชีเช็คที่สั่งจ่าย (ข) ผู้ออกหุ้นกู้มีเง
ิน
เพียงพอที่จะชำระเงินเมื่อถึงกำหนดชำระ และผู้ออกหุ้นกู้ได้ชำระเงินดังกล่าวภายใน 30 วันนับจากวันถึงกำหนดชำระนั้น

2)  ผู้ออกหุ้นกู้ไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนดสิทธิในข้ออื่นๆ นอกจากที่กำหนดไว้ในข้อ (1) ข้างต้น และเหตุผิดเงื่อนไขดังกล่าวยังคงมีอยู่เป็นร
ะยะเวลา 30 วัน
นับจากวันที่ได้มีการส่งหนังสือแจ้งให้ผู้ออกหุ้นกู้ทราบถึงเหตุผิดเงื่อนไขดังกล่าวโดยผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้

3)  คำรับรองใดๆ ที่ผู้ออกหุ้นกู้ได้ให้ไว้ตามข้อกำหนดสิทธินี้ หรือเอกสารเกี่ยวกับหุ้นกู้ใดๆ (ที่ผู้ออกหุ้นกู้เป็นคู่สัญญา) ไม่ถูกต้อ
งในสาระสำคัญ หรือ
ทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ หรือพิสูจน์ได้ว่าไม่ถูกต้องหรือทำให้เกิดความเข้าใจผิดในสาระสำคัญ ในขณะที่ให้หรือถือว่าให้คำรับรอง
นั้นๆ

4)  หนี้เงินกู้ของผู้ออกหุ้นกู้ เป็นคู่สัญญา หรือเป็นลูกหนี้ หรือเป็นผู้ที่มีหน้าที่ต้องชำระถึงกำหนดชำระก่อนกำหนดชำระตามสัญญาหรือตร
าสารที่เกี่ยวข้อง
(หลังจากได้คำนึงถึงข้อกำหนดเรื่องการบอกกล่าวที่ระบุไว้ในสัญญาหรือตราสารที่เกี่ยวข้องแล้วหรือพ้นระยะเวลาที่ได้รับการผ่อนผันแล้ว) เป็
นจำนวนเงิน
ตามมูลหนี้เดียวหรือหลายมูลหนี้รวมกันไม่น้อยกว่า 50,000,000 บาท (หรือในมูลค่าที่เทียบเท่าในสกุลเงินอื่น) 

5)  ศาลในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้องมีคำพิพากษาถึงที่สุด หรือมีคำสั่งที่ถึงที่สุดให้ผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค 
จำกัด (มหาชน) 
ตกเป็นบุคคลล้มละลายหรือเป็นผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัว หรือศาลในเขตอำนาจศาลที่เกี่ยวข้องมีคำพิพากษาถึงที่สุดหรือคำสั่งที่ถึงที่สุด แต่งตั
้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์
หรือผู้ชำระบัญชีเพื่อจัดการการล้มละลายหรือการมีหนี้สินล้นพ้นตัวของผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) ห
รือของทรัพย์สินของ
ผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) ในส่วนสำคัญใดๆ หรือทั้งหมด หรือเพื่อการชำระบัญชี หรือเลิกกิจการของผ
ู้ออกหุ้นกู้หรือ
บริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) 

6)  มีมติให้ชำระบัญชี หรือเลิกกิจการของผู้ออกหุ้นกู้ หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) (นอกเหนือจากเหตุการณ์ใดๆ ที
่ได้กล่าวเป็น
ข้อยกเว้นไว้ในวรรค 5) ข้างต้น) หรือผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) ยื่นคำขอต่อศาลให้ตนเป็นบุคคลล้มล
ะลายหรือมีหนี้สิน
ล้นพ้นตัวหรือเพื่อให้ศาลมีคำพิพากษาสั่งให้เริ่มขั้นตอนการประนอมหนี้ หรือเริ่มขั้นตอนการฟื้นฟูกิจการ หรือปรับเปลี่ยนตามกฎหมายล้มละลา
ยหรือกฎหมายไทย
ฉบับอื่นที่คล้ายคลึงกันและที่ได้นำมาบังคับใช้ได้หรือเขตอำนาจศาลอื่นที่เกี่ยวข้อง หรือผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอ
ร์ค จำกัด(มหาชน) 
ได้มีคำยินยอมให้ดำเนินการใดๆ ในทางศาลดังกล่าว หรือได้ให้ความยินยอม หรือความเห็นชอบกับการแต่งตั้งเจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์หรือผู้ชำระ
บัญชีในการตก
เป็นผู้ล้มละลายหรือผู้มีหนี้สินล้นพ้นตัวของตน หรือของทรัพย์สินในส่วนสำคัญใดๆ หรือทั้งหมดของตน หรือทำการโอนโดยทั่วไปเพื่อผลประโยชน์ข
องเจ้าหนี้
ทั้งหลายของตนภายใต้ความหมายที่ระบุไว้ในกฎหมายล้มละลายที่เกี่ยวข้อง 

7)  ผู้มีสิทธิตามภาระผูกพัน เจ้าพนักงานพิทักษ์ทรัพย์ ผู้ชำระบัญชีในคดีล้มละลายหรือในการมีหนี้สินล้นพ้นตัวได้เข้าครอบครองทรัพย์สินใน
ส่วนสำคัญใดๆ
หรือทั้งหมดของผู้ออกหุ้นกู้หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำกัด (มหาชน) หรือการยึดทรัพย์  การบังคับคดี  หรือขั้นตอนอื่นใดที่ค
ล้ายคลึงได้ถูก
กำหนด บังคับ หรือฟ้องร้องต่อทรัพย์สินทั้งหมดหรือในส่วนสำคัญส่วนใดส่วนหนึ่งของผู้ออกหุ้นกู้ หรือบริษัท ยูบีซี เคเบิ้ล เน็ตเวอร์ค จำก
ัด (มหาชน)
และยังไม่ได้รับการถอดถอน ปลดเปลื้อง หรือดำเนินการชำระเงินครบเต็มจำนวนภายใน 60 วัน 

8)  การกระทำ เงื่อนไข หรือสิ่งใดๆ  (รวมถึงการได้รับหรือการทำให้มีผลบังคับซึ่งคำยินยอม คำอนุมัติ การมอบอำนาจ การยกเว้น การยื่น
ใบอนุญาต คำสั่ง การบันทึก หรือการจดทะเบียนที่จำเป็นใดๆ) ซึ่งไม่ว่าในเวลาใดๆ นั้นต้องกระทำ ต้องดำเนินการให้สำเร็จ หรือต้องทำให้เสร็จ
สิ้น
เพื่อ (ก) ทำให้ผู้ออกหุ้นกู้และผู้ให้หลักประกันสามารถเข้าจัดการ ใช้สิทธิ และชำระหนี้  และปฏิบัติตามภาระผูกพันทั้งหลายของตนตามหุ้นกู
้ และ
สัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และสัญญาหลักประกันได้โดยชอบด้วยกฎหมาย (ข) รับรองว่าภาระผูกพันเหล่านั้นมีผลผูกพันและบังคับใช้ได้ตาม
กฎหมาย
และ (ค) จัดทำหุ้นกู้ และสัญญาแต่งตั้งผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ และสัญญาหลักประกัน ให้เป็นพยานหลักฐานที่รับฟังได้ในชั้นศาลของราชอาณาจักรไท
ย 
(ยกเว้นคำแปลภาษาไทยของเอกสารดังกล่าว) นั้นยังไม่ได้กระทำลง ดำเนินการให้สำเร็จ หรือทำให้เสร็จสิ้นไป

9)  เป็นหรือจะเป็นการผิดกฎหมายสำหรับผู้ออกหุ้นกู้ในการที่จะปฏิบัติตามภาระผูกพันของตนข้อหนึ่งข้อใดภายใต้เอกสารเกี่ยวกับหุ้นกู้ 
(ยกเว้นสัญญาแต่งตั้งนายทะเบียนหุ้นกู้) ที่ตนเป็นคู่สัญญาและอาจมีผลกระทบอย่างร้ายแรง

10)  ไม่มีการนำเงินในจำนวนเท่ากับค่าใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดียเข้าฝากหรือโอนเข้าบัญชีเงินฝากตามข้อกำหนดที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิ

ผลของการเกิดเหตุผิดนัดตามข้อกำหนดสิทธิ
1) เมื่อเกิดการผิดนัดกรณีใดกรณีหนึ่งตามที่ระบุไว้ข้างต้น หาก
   (ก)   ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้เห็นสมควร หรือ 
   (ข)   เมื่อผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้รับการร้องขอเป็นหนังสือจากผู้ถือหุ้นกู้ที่ถือหุ้นกู้หรือถือหุ้นกู้รวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 60 ขอ
งหุ้นกู้ที่ยังมิได้ไถ่ถอนทั้งหมด หรือ 
    (ค)   หากผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้รับมติของที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้ ตามข้อ 15.2 ของข้อกำหนดสิทธิ หรือ 
    (ง)   เป็นกรณีตามข้อ 6) ที่ระบุไว้ในเหตุผิดนัดข้างต้น

ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะต้องมีหนังสือแจ้งไปยังผู้ออกหุ้นกู้ให้ทำการชำระเงินต้นพร้อมด้วยดอกเบี้ยตามหุ้นกู้ที่คำนวณจนถึงขณะนั้นซึ่งถือเป
็นอันถึงกำหนดชำระโดยพลัน
ให้แก่ผู้ถือหุ้นกู้ทันที โดยให้ระบุกรณีที่เกิดขึ้นนั้นด้วย  ทั้งนี้ การที่ผู้ออกหุ้นกู้ผิดนัดไม่ชำระเงินไม่ว่าจำนวนใดๆ ให้แก่ผู้ถือ
หุ้นรายใด หากไม่ปรากฏ
ข้อเท็จจริงโดยชัดแจ้งหรือมีการพิสูจน์ให้เห็นชัดแจ้งเป็นประการอื่น ให้ถือไว้ก่อนว่า ได้มีเหตุผิดนัดเช่นเดียวกันนั้นเกิดขึ้นกับหุ้นกู
้ทั้งหมด

2) เมื่อผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ออกหุ้นกู้ตามข้อ 1) แล้ว 
    (ก)   ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้จะต้องดำเนินการให้ผู้ออกหุ้นกู้ชำระหนี้ที่ค้างชำระอยู่ตามหุ้นกู้ทั้งหมดในเวลาตามสมควร ซึ่งรวมถึงการฟ้อ
งร้องบังคับคดี
เอากับผู้ออกหุ้นกู้และบังคับหลักประกันตามข้อกำหนดสิทธิด้วยหากสามารถกระทำได้โดยถูกต้องตามกฎหมาย 
    (ข)   ผู้ถือหุ้นกู้แต่ละรายจะมีสิทธิฟ้องร้องบังคับชำระหนี้ตามหุ้นกู้ที่ค้างชำระแก่ตนเองจากผู้ออกหุ้นกู้ หรือบังคับหลักประกันตาม
ข้อกำหนดสิทธิได้ด้วย
ตนเองก็ต่อเมื่อหลังจาก 14 วันนับจากวันที่ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ได้มีหนังสือแจ้งไปยังผู้ออกหุ้นกู้ตามข้อ 1) แล้ว แต่ยังไม่มีการชำระหนี้
ที่ค้างชำระแก่ตน และ
ขณะที่ผู้ถือหุ้นกู้ฟ้องคดีนั้น ผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ยังมิได้ดำเนินการฟ้องร้องผู้ออกหุ้นกู้ให้ชำระหนี้ที่ค้างชำระ

ข้อปฏิบัติของผู้ออกหุ้นกู้
1.   ผู้ออกหุ้นกู้ต้องใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการประกอบธุรกิจของตนให้เหมาะสมและมีประสิทธิภาพและเป็นไปตามหลักการจัดการและบริหารอ
งค์กรที่ดี

2.   ผู้ออกหุ้นกู้จะจัดทำและเก็บรักษาซึ่งบัญชี งบการเงินและงบการเงินรวม (ถ้ามี) อย่างเหมาะสมและถูกต้องตามหลักการ กฎเกณฑ์และวิธีการท
าง
การบัญชีที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไปในประเทศไทย และเมื่อพิจารณาประกอบกับหมายเหตุประกอบงบการเงินและงบการเงินรวม (ถ้ามี) จะแสดงให้เห็
น
ตามสมควรถึง (1) ฐานะทางการเงินของผู้ออกหุ้นกู้ ณ วันที่ตามที่ระบุในงบการเงิน และงบการเงินรวม (ถ้ามี) และ (2) ผลประกอบการของผู้ออก
หุ้นกู้ในรอบระยะเวลาที่เกี่ยวข้อง

3.  ผู้ออกหุ้นกู้จะชำระภาษีต่างๆ ทั้งสิ้นที่เรียกเก็บจากสินทรัพย์ รายรับ รายได้หรือกำไรของตน ก่อนที่ภาษีนั้นๆ จะล่วงเลยกำหนดที่จะต้
องชำระ 
ตลอดจนจะทำการชำระหรือดำเนินการให้มีการชำระเงินตามข้อเรียกร้องอันชอบด้วยกฎหมายต่างๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าประเภทใดก็ตาม ที่หากผู้ออกหุ้นกู้

ไม่ชำระอาจก่อให้เกิดภาระติดพันหรือสิทธิยึดหน่วงเหนือสินทรัพย์ รายรับ รายได้ หรือกำไรดังกล่าวได้ หรือก่อให้เกิดบุริมสิทธิเหนือหนี้อื
่นๆ เว้นแต
่ในกรณีที่ (1) ภาษีหรือเงินดังกล่าวกำลังอยู่ในระหว่างการโต้แย้งโดยสุจริตและโดยวิธีการที่ถูกต้อง และ (2) ได้มีการกันเงินสำรองหรือเงิ
นเพิ่ม
ตามที่อาจจำเป็นต้องกันไว้แล้วสำหรับเรื่องดังกล่าว ตามหลักการบัญชีที่เป็นที่ยอมรับกันโดยทั่วไป

4.  หากมีกรณีจำเป็นที่จะต้องเปลี่ยนตัวผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หรือนายทะเบียนหุ้นกู้ ผู้ออกหุ้นกู้จะใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการจัดหา
บุคคลเพื่อแต่งตั้ง
ให้เป็นผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หรือนายทะเบียนหุ้นกู้รายใหม่ (แล้วแต่กรณี) โดยเร็วที่สุดเท่าที่จะสามารถกระทำได้

5. ผู้ออกหุ้นกู้จะปฏิบัติตามส่วนที่เป็นสาระสำคัญของ (1) กฎหมายว่าด้วยหลักทรัพย์และกฎหมายอื่นที่เกี่ยวข้องกับหุ้นกู้และการเสนอขายหุ้
นกู้ รวมทั้งกฎ
ระเบียบ ข้อบังคับและคำสั่งต่างๆ ที่ออกตามกฎหมายดังกล่าว และ (2) กฎหมาย ใดๆ ซึ่งผู้ออกหุ้นกู้ต้องปฏิบัติตาม ซึ่งการฝ่าฝืนหรือการไม่ป
ฏิบัติ
ตามกฎหมายดังกล่าวจะมีผลกระทบในทางลบอย่างร้ายแรง (ตามนิยามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิ)

6.  ผู้ออกหุ้นกู้ต้องดำรงอัตราส่วนหนี้ที่ก่อดอกเบี้ยต่อทุนของผู้ออกหุ้นกู้ให้เกินอัตราส่วน 1:1

7.   ผู้ออกหุ้นกู้ต้องดำรงอัตราส่วนความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกหุ้นกู้ให้อยู่ในอัตราส่วนไม่น้อยกว่า 1.25:1

8.  ภายในเวลาไม่เกิน 6 เดือนนับแต่วันที่มีการนำเงินในจำนวนเท่ากับค่าใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดียตามสัญญาใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดี
ย
เข้าบัญชีรับเงิน (Escrow Account) เป็นครั้งแรก ผู้ออกหุ้นกู้จะต้องดำรงเงินในบัญชีสำรองเพื่อการชำระหนี้ (Debt Service Reserve Accoun
t)
ให้มีจำนวนไม่น้อยกว่าจำนวนเงินที่ผู้ออกหุ้นกู้ต้องใช้ชำระเงินต้น และดอกเบี้ยของหุ้นกู้ที่ยังไม่ได้รับการไถ่ถอนในวันกำหนดชำระดอกเบี้
ย และ
วันทยอยชำระคืนเงินต้นในงวดถัดไป (งวดละ 3 เดือน)

9.  ผู้ออกหุ้นกู้ต้องดำเนินการให้สัดส่วนการถือหุ้นของบริษัทในกลุ่ม TRUE ในบริษัทผู้ออกหุ้นกู้มีสัดส่วนไม่น้อยกว่าร้อยละ 76 ของทุนจด
ทะเบียนที่ชำระแล้วของผู้ออกหุ้นกู้

ข้อละเว้นของผู้ออกหุ้นกู้       
1. ผู้ออกหุ้นกู้จะไม่ทำการชำระบัญชี เลิกกิจการหรือเปลี่ยนแปลงลักษณะสาระสำคัญของธุรกิจที่ได้ดำเนินการอยู่ ณ วันที่ของข้อกำหนดสิทธินี
้ หรือ
ดำเนินการใดๆ เพื่อทำการชำระบัญชี หรือเลิกกิจการ เว้นแต่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมผู้ถือหุ้นกู้

2.  ผู้ออกหุ้นกู้จะไม่ให้เงินกู้แก่บริษัทในกลุ่ม TRUE หรือรับค้ำ ประกันหนี้ใดๆ ของบริษัทในกลุ่ม TRUE เว้นแต่หนี้เงินกู้ หรือหนี้ค้ำ
ประกันที่มีอยู่แล้ว ณ วันออกหุ้นกู้

3.  ผู้ออกหุ้นกู้จะไม่ก่อหลักประกันในโครงข่ายมัลติมีเดีย (ตามนิยามที่ระบุไว้ในข้อกำหนดสิทธิ) เครื่องจักร หรืออุปกรณ์ต่างๆ ที่เกี่ยว
ข้องกับโครงข่าย
มัลติมีเดีย และระบุไว้ในสัญญาใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดีย ซึ่งรวมถึงแต่ไม่จำกัดเพียงอุปกรณ์เซ็ทท็อป อุปกรณ์เครื่องส่ง Drop Wire ตาม
สัญญาใช้
บริการโครงข่ายมัลติมีเดีย เว้นแต่ การก่อภาระผูกพันเป็นผลที่เกิดขึ้นโดยเฉพาะโดยบทบัญญัติของกฎหมาย

อนึ่ง การเช่า (Financial Lease) เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับโครงข่ายมัลติมีเดียไม่ถือเป็นการก่อภาระผูกพันซึ่งต้องห
้ามตามข้อนี้

4.   ผู้ออกหุ้นกู้จะไม่รับซื้อ หรือรับโอนหนี้ใดๆ ของบริษัทในกลุ่ม TRUE

5.   ผู้ออกหุ้นกู้จะไม่แก้ไขข้อกำหนดและเงื่อนไขใดๆ ในสัญญาใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดีย หากการแก้ไขดังกล่าวจะมีผลทำให้สิทธิเรียกร้อง
ของ
ผู้ออกหุ้นกู้ในการได้รับค่าใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดียรายเดือน (ค่าใช้บริการโครงข่ายมัลติมีเดียคงที่) ในระหว่างที่ยังไม่ครบกำหนดไถ
่ถอนหุ้นกู้ท
ี่ผู้ออกหุ้นกู้ได้โอนสิทธิเรียกร้องอย่างมีเงื่อนไขให้กับผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เพื่อเป็นหลักประกันสำหรับหุ้นกู้นี้ ลดลงเหลือน้อยกว่าเด
ือนละ 65,000,000 บาท

ข้อจำกัดในการโอน    : เนื่องจากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ เป็นการเสนอขายหุ้นกู้ที่ออกใหม่ต่อผู้ลงทุนสถาบันโดยมีการจดข้อจำกัดการโอน
ต่อ
                    สำนักงาน ก.ล.ต. ให้จำกัดการโอน อยู่เฉพาะภายในกลุ่มผู้ลงทุนสถาบัน?เท่านั้น โดยได้มีการยื่นแบบแสดงรายการ 
                    ข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนตามข้อ 12/1(3) และ 12/2(5) ของ ประกาศ คณะ กรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์
                    ที่ กจ. 44/2543 เรื่อง การยื่น และการยกเว้นการยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์ ฉบับลง วันที่ 15 ตุลา
คม
                    พ.ศ. 2543 (รวมถึงที่มีการแก้ไขเปลี่ยนแปลง) ("ประกาศที่ กจ. 44/2543") ดังนั้น ผู้ออกหุ้นกู้ และ/หรือ นายทะเบียนห
ุ้นกู้ 
                    ขอสงวนสิทธิที่จะไม่รับจดทะเบียนการโอนหุ้นกู้ ไม่ว่าในทอดใดๆ ให้แก่บุคคลอื่นที่มิใช่ผู้ลงทุนสถาบันดังกล่าว  
 
หมายเหตุ     : ผู้ลงทุนสถาบัน ( กจ.32/2544 ข้อ 13 วรรค 2 ) ได้แก่
               1.  ธนาคารพาณิชย์
               2.  บริษัทเงินทุน
               3.  บริษัทหลักทรัพย์เพื่อเป็นทรัพย์สินของตนเอง หรือเพื่อการบริหารกองทุนส่วนบุคคล หรือเพื่อการจัดการโครงการลงทุนที่จั
ดตั้งขึ้น
                   ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบธุรกิจเงินทุน ธุรกิจหลักทรัพย์ และธุรกิจเครดิตฟองซิเอร์
               4.  บริษัทเครดิตฟองซิเอร์
               5.  บริษัทประกันภัย
               6.  ส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ หรือนิติบุคคลที่มีกฎหมายเฉพาะจัดตั้งขึ้น ( กองทุนประกันส
ังคม ถือเป็นส่วนราชการตามกฎหมายว่าด้วยวิธีการงบประมาณ )
               7.  ธนาคารแห่งประเทศไทย
               8.  สถาบันการเงินระหว่างประเทศ
               9.  กองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงิน
               10.  กองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ
               11.  กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
               12.  กองทุนรวม
               13.  ผู้ลงทุนต่างประเทศซึ่งมีลักษณะเดียวกับผู้ลงทุนตาม (1) ถึง (12) โดยอนุโลม